“เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก โดยเฉพาะช่วงเวลาที่มีความสุข” คำพูดนี้ไม่ใช่แค่คำพูดที่จริง แต่จริงมาก และมันอธิบายอนิเมะที่ชื่อว่า ‘Attack on Titan’ ได้เป็นอย่างดี
attack on titan ล่าสุด ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานับตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ อนิเมะเรื่องนี้ได้ทำให้เกิดกระแสในวงกว้าง มีแฟนๆ อยู่ในทุกภูมิภาค ทั้งจากการพูดถึง การบอกต่อ มีม รวมถึงเพจและเว็บไซต์ต่างๆ ปรากฏขึ้นถี่ชนิดที่คนไม่เคยดูถึงกับสงสัยว่า “นี่มันคือเรื่องอะไรกันนะ เกี่ยวกับอะไร และทำไมถึงได้ฮิตขนาดนี้?” จนต้องหาดูตามๆ กัน และเนื่องในโอกาสที่ครึ่งแรกของ Attack on Titan ซีซั่นสุดท้าย (แต่ยังไม่ท้ายสุด) จบลงแล้ว และเพื่อเป็นการส่งท้าย The MATTER เลยจะพาผู้อ่านย้อนกลับไปมองตั้งแต่จุดเริ่มต้นของซีซั่นนี้ตั้งแต่ตอนที่ 60 จนถึงตอนล่าสุดตอนที่ 75 ว่ามีสาระสำคัญอะไรบ้างที่ควรโฟกัสและไม่ควรมองข้าม
จุดเริ่มต้นของจุดจบ และเรื่องราวต่างมุมมอง attack on titan ล่าสุด
attack on titan ล่าสุด หลังจากที่ท้ายซีซั่นที่แล้ว เราได้รับรู้เรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดจนถึงเรื่องราวที่ว่า กำแพงไม่ใช่ที่มั่นสุดท้ายของมนุษยชาติ แต่พวกเขาเป็นลูกหลานเชื้อสายไททัน หรือสิ่งมีชีวิตที่ชาวกำแพงเกลียดชังและต่อกรมาโดยตลอด ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตลอดกาล
พาร์ท 1 ของซีซั่นสุดท้ายนี้เปิดมาที่ฝั่งมาเลย์ในไทม์ไลน์ 4-5 ปีให้หลัง เล่าเรื่องแหวกสูตรสำเร็จด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครฝั่งตรงข้ามกับฝั่งของตัวเอกที่เราติดตามมานาน โดยเริ่มจากฉากตัวละครใหม่อย่าง ‘ฟัลโก้’ นอนเหม่ออยู่ท่ามกลางสนามรบ ตามด้วย ‘กาบิ’ เด็กผู้หญิงวัยไม่เท่าไหร่ที่อายุไล่เลี่ยกับฟัลโก้ยอมสี่ยงชีวิตเพื่อได้รับการยอมรับ รวมถึงเล่าในส่วนของสงครามระหว่างมาเลย์กับประเทศอื่น และไททันกับอาวุธพิฆาตไททันสมัยใหม่ที่แสดงถึงการลดทอนของความเกรงกลัวที่ประเทศอื่นมีต่ออาณาจักรมาเลย์ เพื่อปูไปสู่ปมใหญ่กับย้อนปมที่ว่า “เหตุใดมาเลย์ถึงต้องการพลังไททันบรรพบุรุษ และในขณะนี้ทำไมพวกเขาถึงต้องการมันมากกว่าที่เคย”
ความน่าสนใจของซีซั่น 4 นี้คือช่วงเปิดซีซั่นที่เราได้รับรู้เรื่องราวของอีกฝั่งบ้าง ได้รู้ว่าเด็กเหล่านั้นโตมายังไง การฝึกเด็กชาวเอลเดียเป็นนักรบมาเลย์เพื่อสืบทอดพลังไททันมีกระบวนการอย่างไร ความเกลียดชังนั้นฝังรากลึกลงไปแค่ไหน สงคราม ความสูญเสีย และวังวนของการสู้รบโหดร้ายขนาดไหน รวมถึงสภาพแวดล้อม การปลูกฝัง กับการโฆษณาชวนเชื่อถูกใช้อย่างไร ความหมาดหมางระหว่างชาวเอลเดียและชาวมาเลย์ถึงได้ยังคงอยู่อย่างหนาแน่น ไม่เสื่อมคลาย และยาวนานเช่นนี้ นอกจากนี้ยังมีการปรากฏตัวของไททันกราม, ไททันค้อนสงคราม และไททันเกวียน (ที่เคยโผล่มาก่อนแต่ตอนนั้นยังมีทราบชื่อ) อีกด้วย เนื้อหาของ Attack on Titan ทวีคูณความเข้มข้นและมีความผู้ใหญ่ขึ้นตามเลขซีซั่นที่เพิ่มขึ้น และซีซั่นนี้ถือว่าเป็นซีซั่นที่อยู่ในเรื่องราวของการเมืองอย่างแท้จริง เพราะเน้นไปที่ประเด็นเกี่ยวกับอำนาจ การใช้อำนาจ การเมือง สงคราม การตั้งคำถามศีลธรรมถึงความผิดถูกและความแฟร์ รวมไปถึงการใช้โฆษณาชวนเชื่อ กับผลร้ายของการปลูกฝังทางความคิด และการรับสารด้านเดียว มองโลกด้านเดียว เชื่อสิ่งใดใดโดยไม่ต่อต้าน ไม่ระแคะระคาย ไม่ตั้งคำถามอีกด้วย
ไฮไลทต์ช่วงต้นซีซั่น เริ่มจากตอนที่ 62 ‘The Door of Hope’ เป็นตอนหนึ่งของ Attack on Titan ที่ทำให้รู้สึกกินใจและเกิด empathy หรือความเข้าอกเข้าใจตัวละคร โดยตอนนี้เป็นของ ‘ไรเนอร์ บราวน์’ ตัวละครที่วัตถุประสงค์คลุมเครือมาโดยตลอดว่าทรยศเอเรนและผองเพื่อนเพราะอะไร ตอนนี้จะเป็นการเล่าที่มาและแรงกระตุ้นที่ทำให้ไรเนอร์ได้เป็นนักรบแห่งมาเลย์ผู้ สืบทอดพลังแห่งไททันเกราะ และสาเหตุที่ว่า ทำไมเขาถึงจะต้องเดินหน้าเท่านั้น หันหลังกลับไม่ได้เป็นอันขาด และการตัดสินใจของไรเนอร์นี้เอง ทำให้เขาลุกเป็นผู้นำกลุ่ม บุกเข้ากำแพง และเกิดเหตุการณ์ยาวเป็นกระบวนตามมา ตอนของไรเนอร์เป็นตอนที่ทำให้เข้าได้เข้าไปในหัวของเขา ทำให้รู้ว่านี่เป็นตัวละครที่แบกรับอะไรอย่างหนักหน่วงและน่าสงสารมากๆ ตัวหนึ่ง
การประกาศสงคราม และสงครามที่มาเยือนถึงที่
หลังจากตอนของไรเนอร์ ซีซั่นนี้ก็ได้นำไปสู่เรื่องราวการเดินหมากทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการใช้ความจริงมาเป็นส่วนหนึ่งของการโกหกและ propaganda ของ วิลลี่ ไทเบอร์ ผู้นำตระกูลไทเบอร์ที่ถือครองพลังแห่งไททันค้อนสงคราม ที่เปิดเผยว่าแท้จริงแล้ว ตระกูลไทเบอร์ร่วมมือกับราชากำแพงเพื่อสงบศึก และมันสงบมาตลอดจนกระทั่ง เอเรน เยเกอร์ ต้องการทำลายมัน ทั้งหมดนั่นเพื่อเป็นการขอความร่วมมือจากเหล่าผู้นำโลกและพุ่งเป้าไปยังเกาะสวรรค์ เป็นการประกาศสงครามครั้งใหญ่ในงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อผลประโยชน์ที่ใหญ่โตที่สุดของฝั่งตนเอง ในขณะเดียวกันนั้น เอเรนก็ได้แฝงตัวมาที่เกาะนี้พักใหญ่แล้ว เขาได้พบกับไรเนอร์เพื่อนรักด้วยความช่วยเหลือของฟัลโก้ และแปลงร่างมันตรงนั้นจากตำแหน่งใกล้เคียง เพื่อบุกจู่โจมกระทันหันแบบอุกอาจไม่ให้ศัตรูได้ทันตั้งตัว พร้อมทั้งเรียกกำลังเสริมจากหน่วยสำรวจแห่งเกาะสวรรค์มาด้วยเช่นกัน
จากนั้นเราจะได้เห็นความโหดร้ายของสงคราม ผ่านสายตาของตัวละครกาบิที่มองเอเรนเหมือนที่เอเรนเคยมองไรเนอร์และแบร์โทลต์เมื่อครั้งที่ทั้งสองคนบุกทำลายกำแพง กาบิสูญเสียทั้งเพื่อน ทั้งลุงตำรวจที่รู้จัก เธอโกรธแค้น และต้องการแก้แค้น บัดนี้เอเรนได้เอาความพิโรธที่ชาวมาเลย์เคยมาลงที่บ้านเกิดเขาจนต้องสูญเสียแม่และที่อยู่อาศัย หวนกลับคืนมาสู่มาเลย์ ด้วยการถล่มให้ราบพร้อมทั้งดื่มไททันค้อนสงครามที่เป็นความหวังหนึ่งเดียวที่จะชิงพลังจากเอเรนไปอีกด้วย ส่วนกาบินั้น ก็ได้บุกขึ้นเรือเหาะขากลับเพื่อไปล้างแค้นให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น จนนำมาสู่การเสียชีวิตของตัวละคร ซาช่า เบลาส์ ที่หลายๆ คนคงจำได้ไม่ลืม เนื้อหาในช่วงนี้และโศกนาฏกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น ทำให้เราได้ตั้งคำถามว่าสุดท้ายแล้ว ใครคือฝ่ายถูกฝ่ายผิด ใครเป็นคนดีใครเป็นผู้ร้าย และสิ่งที่เอเรนทำนั้นสมควรหรือไม่ เป็นเรื่องถูกต้องรึเปล่าที่เอเรนบุกมาโจมตีก่อนแบบนี้ และมันแฟร์มั้ยที่เขาจะพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์เหมือนที่ไรเนอร์เคยทำเมื่อครั้งนั้น หรือเขาเพียงต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ
พันธมิตรที่ไม่คาดคิด และกลุ่มเยเกอร์
กลับกลายเป็นว่า ซีค เยเกอร์ ตัวละครที่หลายคนเกลียดชังที่สุด พี่ชายต่างแม่ของเอเรนที่มีเชื้อสายราชวงศ์และเคยปาหินใส่จนตัวละครโปรดของใครหลายๆ คนอย่าง ‘เออร์วิน สมิธ’ ในฉากรบสุดลุ้นระทึกและยิ่งใหญ่เมื่อซีซั่นก่อนจนเขาและเหล่าทหารเสียชีวิตเกลี้ยง กลับเป็นผู้ร่วมมือกับฝั่งของเอเรนอย่างลับๆ ด้วยการให้ข้อมูลและอำนวยความสะดวก ทั้งหมดก็เพื่อช่วยชาวเอลเดียให้ได้รับการปลดแอก
เรื่องราวจะกลับมาเล่าในฝั่งของเกาะสวรรค์อีกครั้ง พร้อมทั้งให้เราได้เห็นว่าภายในระยะเวลานับตั้งแต่ความลับทั้งหมดถูกเปิดเผยและฉากที่เหล่าตัวเอกเท้าแตะน้ำทะเลครั้งแรกในตอนจบซีซั่นที่แล้ว ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง และสิ่งที่เกิดขึ้นคือมีชาวมาเลย์ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะหลังจากที่การบุกโจมตีทางเรือล้มเหลว รวมถึงตัวละครอย่างเชฟนิโคโล่, ออนยัน โคปอน และอดีตเชลยมาเลย์อย่าง เยเลน่า ผู้รับคำสั่งมาจากซีค เราจะได้เห็นว่า การมาของเยเลน่าและข้อมูลกับความช่วยเหลือของชาวมาเลย์ที่อยู่บนเกาะนี้ ช่วยทำให้เกาะสวรรค์ที่ล้าหลังจากประเทศนอกกำแพงเป็นร้อยปี ค่อยๆ พัฒนาอย่างไร รวมถึงที่มาของอาวุธใหม่และเรือเหาะด้วยเช่นกัน
เด็กผู้หลบหนี เหรียญสองด้าน และการให้อภัย
หลังจากที่กาบิและฟัลโก้ถูกจับกุม ทั้งคู่หลบหนีออกมาและได้มาพบกับครอบครัวเบลาส์ของซาช่า ที่ได้ให้ทั้งอาหารและที่พักแก่เด็กทั้งสอง กาบิดูจะเกรี้ยวกราดเหมือนเดิม ในขณะที่ฟัลโก้ที่ดูแต่แรกก็ดูเข้าใจเหมือนเดิม และมองเห็นภาพรวมยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ เรื่องราวที่เล่าผ่านเด็กทั้งสองในซีซั่นนี้เป็นการเปรียบเทียบให้เห็นถึงเหรียญสองด้าน ของเด็กที่โตมาที่เดียวกัน ถูกปลูกฝังเหมือนๆ กัน แต่ทัศนคติกับความมีเหตุมีผล การคิดเชิงวิพากษ์ (critical thinking) และนิสัยใจคอแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนคายะเด็กหญิงที่เจอทั้งสอง ได้รับรู้แต่แรกแล้วว่าทั้งคู่มาจากมาเลย์ ถึงกระนั้นก็ยังเลือกจะช่วยเหลือ เรื่องราวมาเปิดเผยภายหลังว่าคายะคือเด็กที่ซาช่าเคยช่วยไว้ รวมถึงนิโคโล่ที่ผูกพันกับซาช่าเองก็รู้ภายหลังเช่นกันว่ากาบิคือเด็กที่ฆ่าซาช่า นั่นทำให้เกิดซีนชุลมุนที่สะเทือนใจทั้งตัวละครและคนดูขึ้น ตอนนี้สวยงามตรงที่พ่อของซาช่าหรือคนที่สูญเสียลูกสาวไป กลับเข้าใจอะไรๆดีถึงเรื่องสงคราม (ที่เปรียบกับการเข้าป่า) และการสูญเสียดี
พ่อซาช่าไม่ต้องการให้เกิดความสูญเสียหรือให้เกิดเหยื่อของความเกลียดชังมากไปกว่านี้แล้ว จึงได้เลือกจะให้อภัยกาบิ
การชิงอำนาจภายใน
ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน พาร์ทนี้เป็นการพูดถึงการเมืองแบบเต็มขั้น ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าหลังจากฝ่าฝันอะไรมาด้วยกันมาตลอดหลายซีซั่น ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะเปลี่ยนไปอย่างไม่มีทางหวนกลับ ตัวละครที่เคยรู้จักกลายเป็นเราไม่รู้จักอีกต่อไป และหลายสิ่งหลายอย่าง อย่างเช่นความสัมพันธ์กับสภาพจิตใจของตัวละครดูจะแตกต่างไปจากเดิมมากเช่นกัน ทั้งหมดเริ่มมาจากผลของการบุกเกาะโดยพลการของเอเรน ทำให้เขาถูกควบคุมตัวไว้ที่คุกใต้ดิน นำไปสู่เหตุการณ์มากมาย เหล่าทหารและผู้มีอาจอย่างพิกซิสกับนายพลแซ็คคารี่ ไม่ไว้ใจเอเรนอีกต่อไป และตั้งใจจะควบคุมพลังไททันด้วยการหาคนอื่นมากินเอเรน ในขณะเดียวกัน ซีคถูกจับแยกออกจากเอเรน ไปอยู่กลางป่าโดยมีทหารพร้อมเครื่องเคลื่อนที่สามมิติควบคุม 30 นายด้วยกัน
ณ ช่วงเวลานั้นเอง ก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการกักขังเอเรนออกมาประท้วงและยังเชื่ออย่างยิ่งว่า เอเรนที่มีพลังเปรียบดุจพระเจ้า คือความหวังเดียว คือทางเลือกที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของการปลดแอกชาวเอลเดีย (พร้อมทำท่าพร้อมพูดว่า “Shinzou wo Sasageyo”) หลังจากนั้นเกิดการฟอร์มตัวขึ้นของกองกำลังเยเกอร์ที่นำโดย ‘ฟล็อค’ อดีตทหารใหม่ขี้ขลาดที่เป็นคนที่เดียวที่รอดจากการปาหินของไททันลิง ปัจจุบันเขาเป็นผู้นำของกลุ่มเยเกอร์ หรือกลุ่มผู้พร้อมซัพพอร์ตอุดมการณ์ของ เอเรน เยเกอร์ ฟล็อคร่วมมือกับเยเลน่า ทำการก่อการร้ายสังหารนายพลแซ็คคารี่ อำนวยความสะดวกให้กับการหลบหนีของเอเรน และทำการยึดอำนาจการเคลื่อนไหวทั้งหมด รวมถึงจับผู้คิดต่อต้านขังคุกอีกด้วย
ทางด้านรีไวล์ที่ควบคุมตัวซีคอยู่ ตั้งใจจะจัดการซีคให้เร็วที่สุด แต่ทุกอย่างก็สายเกินไปซะแล้ว ซีคตะโกนร้องแหกปากเพื่อกระตุ้นให้ลูกน้องรีไวล์ทั้ง 30 คนที่ดื่มไวน์ผสมน้ำไขสันหลังเขาเข้าไป แปลงร่างเป็นไททัน แล้วตนหลบหนี แต่นั่นไม่ได้ทำให้รีไวล์ชะงักงันหรือพ่ายแพ้แต่อย่างใด ด้วยพลังต่อสู้เหนือมนุษย์ของตระกูลเอเคอร์แมน เขาสังหารลูกน้องที่กลายเป็นไททัน ตามมาจนทัน และจัดการซีคลงในการต่อสู้ครั้งนี้ ที่ผลลัพธ์คือ 2-0
ซีค เยเกอร์ ผู้แบกรับความเจ็บปวดและการไถ่บาปเพียงลำพัง
หากจะมีตัวละครซักตัวที่คนอ่านคนดูไม่ชอบหน้าที่สุด ก็เห็นจะเป็นซีค เยเกอร์ เพราะสิ่งที่เขาได้ทำไว้ในซีซั่นที่แล้ว ในหนักหนาเกินกว่าจะให้อภัย แต่ก็อย่างที่เรารู้กัน Attack on Titan ไม่ใช่เรื่องราวของฮีโร่วายร้าย ขาวหรือดำ แต่เป็นเรื่องราวที่สะท้อนโลกความจริงด้วยลายเส้น เพลงกับดนตรีประกอบ และโลกแฟนตาซีของไททัน ตอนที่ 74 ‘Sole Salvation’ จึงเป็นตอนที่ดีที่สุดของซีซั่นนี้ โดนหนึ่งในตอนที่ดีที่สุดของอนิเมะเรื่องนี้ ได้พาคนดูไปรับรู้เรื่องราวอันน่าสงสารของซีค ว่าเขาต้องเผชิญอะไรมาบ้างในวัยเด็ก เหตุใดเขาถึงเลือกจะส่งตัวพ่อแม่ และยังเล่าความสัมพันธ์ของเขากับคุณเซเวอร์ อดีตผู้ครอบครองพลังไททันสัตว์ป่าที่เขาเรียกว่า “Father”
สำหรับซีคแล้ว เซเวอร์เปรียบเสมือนพ่อแท้ๆ ของเขา มากกว่ากรีช่าที่ถึงแม้จะมีเหตุผลและต้องทำในสิ่งที่ต้องทำ แต่ก็กดดัน คาดหวัง และเอาทุกอย่างมาลงที่ซีคมากเกินไป ทั้งหมดในตอนนี้ ทำให้ทุกอย่างมันเมคเซนส์และชัดแจ้ง ถึงสาเหตุที่ทำไมซีคถึงได้กระทำการทำอย่างเองเพียงคนเดียว และทำไมเขาถึงกำลังทำสิ่งที่เขาทำ นั่นก็คือ ‘แผนการการุณยฆาต’ แผนที่เขาคิดมากับเซเวอร์เพื่อที่จะช่วยโลกใบนี้ไว้ด้วยการสัมผัสกับตัวเอเรนในช่วงเวลาที่เหมาะสม ผสานพลังทันบรรพบุรุษและราชวงศ์ แล้วเปลี่ยนโครงสร้างชาวเอลเดียให้ไม่สามารถมีลูกได้อีก สิ้นสุดสายเลือดปีศาจ สิ้นสุดความเกลียดชังอันยาวนาน
วิธีการของซีคจะถูกต้องหรือเวิร์คหรือไม่ขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมองของผู้ชม แต่สิ่งนึงที่เรารู้คือ จากสิ่งที่ซีคเผชิญมา สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมเขาถึงคิดแผนการนี้ขึ้นมา และนั่นแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนชั่วร้ายหรือเห็นแก่ตัวเลย ซีคต้องการทำเพื่อส่วนรวมมากกว่า (ถึงวิธีการของเขาจะนับเป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดเหมือนที่เอเรนกำลังทำอยู่ก็ตาม) ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรซ์ไม่น้อยที่ตัวละครที่คนเคยไม่ชอบที่สุด ในตอนเดียวกลายเป็น fan favorite ได้ซะอย่างงั้น
บทสรุปส่งท้าย
ซีคเยเกอร์ต้องการสานต่อความตั้งใจและสิ่งที่เขาสัญญาไว้กับคุณเซเวอร์ว่าจะทำให้สำเร็จ ถึงแม้นั่นอาจหมายถึงการเสียชีวิตของเขาที่อาจเกิดจากการระเบิดที่รุนแรงก็ตาม ซีคยอมที่จะดิ้นจนตัวขาดครึ่งท่อน ในที่สุดซีคก็รอดจากรีไวล์มาได้ในขณะที่รีไวล์ในอนิเมะยังไม่รู้ชะตากรรม ซีคถูกช่วยไว้โดยไททันตัวหนึ่ง ในฝั่งของเอเรนนั้นเขายึดอำนาจมาได้สำเร็จ ไม่มีใครกล้าต่อการกับเขาและกองกำลังเขาอีก สิ่งที่เขาต้องการตอนนี้คือเดินหน้า และไปพบกับซีคให้ได้ แต่ทว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น เอเรนไม่รู้ที่ซ่อนตัวซีค เขาไปพบกับอาร์มินและมิคาสะเพื่อพูดอะไรกับทั้งคู่ก่อนจะไม่ได้มีโอกาสพูดกันอีก เกิดเป็นซีนทำร้ายจิตใจคนดูขึ้น นั่นก็คือเพื่อนที่เคยปกป้องกันกลับต้องมาต่อยกัน เพื่อนที่เติบโตมาด้วยกันกลับเป็นเพื่อนที่ดูห่างเหินราวกับไม่ได้รู้จักกันอีกต่อไป กับเอเรนที่พูดจาโหดร้ายกับมิคาสะแบบไม่เหลือเยื่อใย
หลังจากนั้น พีคผู้ครอบครองพลังไททันเกวียน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมแสดงเจตนาที่จะช่วยเหลือเอเรนในการปลดปล่อยชาวเอลเดีย แต่นั่นคือการโต้กลับ แท้จริงแล้วเธอมาช่วยกาบิ เอเรนยังคงเป็นศัตรูเธอ และบัดนี้กองทัพชาวมาเลย์ที่นำโดยไรเนอร์ ได้เดินทางด้วยเรือเหาะมายังกำแพงที่คุ้นเคยอีกครั้ง เพื่อต่อสู้ ชิงพลังจากเอเรน และปิดฉากสงครามครั้งนี้ once and for all แล้วก็จบแบบค้างๆ ให้พวกเราได้รอกันอีกราวๆ 1 ปีกว่าจะได้ดูพาร์ทจบ
ครึ่งแรกของ Attack on Titan ซีซั่นสุดท้าย เป็นทั้งการถ่ายทอดและเน้นย้ำคอนเซ็ปต์ที่พูดถึงมาโดยตลอดหลายซีซั่นอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นว่า โลกใบนี้มันพร่ามัว ศีลธรรมเป็นสิ่งที่พูดยาก ไม่มีเส้นแบ่งความผิดถูกชัดเจน ไม่ใช่มีแค่ขาวดำ เรื่องราวมีหลายด้านหลายมุม และไม่มีใครผิดใครถูก 100% ที่สำคัญที่สุด ทุกคนต่างเป็นเหยื่อของสงครามอันไม่จบสิ้น ทุกคนมีเหตุผล พวกเขาเพียงแค่หาทางออกจากวังวนและความทุกข์ทรมานอันเป็นผลพวงจากสงครามนี้ในเวย์ของตัวเองเท่านั้นเอง attack on titan ล่าสุด